ระดับตำนานโลก! มาชมสุดยอดสไนเปอร์ 10 คนที่แม่นที่สุดในประวัติศาสตร์
เหล่าบรรดาพลซุ่มยิงนอกจากจะมีความแม่นยำแล้วยังต้องมีอาวุธคู่ใจอย่างปืนไรเฟิลเอาไว้ยิงระยะไกล ซึ่งระยะที่ไกลก็จะทำให้ยิงได้ยากขึ้น บางครั้งเราจะเห็นในภาพยนต์ว่าเหล่าบรรดาสไนเปอร์ยิงได้แม่นยำมากและแทบไม่พลาดเป้า ซึ่งนั่นคุณอาจจะไม่เชื่อไม่เป็นไรเพราะยังไงมันก็คือภาพยนต์ ฮ่าๆ แต่วันนี้เราลองมาดูสไนเปอร์ในชีวิตจริงกันบ้าง ไปชมเลยครับ
10. Thomas Plunkett (เสียชีวิต 1851)
นายทหารชาวไอริช Thomas Plunkett สังกัดหน่วยแม่นปืนไรเฟิลที่ 95 แห่งกองทัพอังกฤษ เป็นผู้ลั่นกระสุนสังหารนายพล Auguste-Marie-François Colbert แห่งฝรั่งเศส ในระหว่างการรบที่เมือง Cacabelos โดยเขาซุ่มยิงในระยะ 600 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่หวังผลได้ยากมากในสมัยต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 หลายคนอาจจะคิดว่า กระสุนนัดนั้นของ Plunkett บังเอิญฟลุ๊คเข้าเป้า แต่ไม่กี่นาทีหลังจากสังหารนายพล Auguste-Marie-François Colbert เขาได้ลั่นกระสุนอีกครั้ง และครั้งนี้กระสุนก็ไม่พลาดเป้าเช่นกัน
9. นายสิบ Grace (สังกัดกองทหารราบที่ 4 ของรัฐจอร์เจีย)
ในระหว่างสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา นายสิบ Grace ซึ่งเป็นทหารของสมาพันธรัฐได้ลอบซุ่มยิงนายพล John Sedgwick ที่ระยะ 1,000 หลา ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างไกล และไม่มีใครเชื่อว่า เขาจะยิงเข้าเป้า แม้กระทั่งนายพล Sedgwick ผู้ตกเป็นเหยื่อก็ไม่เชื่อว่า จะมีใครยิงเขาได้จากระยะห่างขนาดนั้น คำพูดสุดท้ายของท่านนายพลก่อนที่กระสุนจะทะลุใต้ตาข้างซ้ายแล้วไประเบิดสมองของเขาคือ “แม้กระทั่งช้างก็ไม่มีใครยิงถูกด้วยระยะห่างขนาดนี้”
8. Charles ‘Chuck’ Mawhinney
นักแม่นปืนรายนี้เข้าร่วมหน่วยนาวิกโยธินแห่งสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1967 และสังหารฝ่ายตรงกันข้ามไปทั้งสิ้น 103 รายในช่วงสงครามเวียดนาม โดยระยะซุ่มยิงปกติของเขาอยู่ที่ 1,000 หลา หลังสงครามสิ้นสุดลง เขาได้ลาออกจากกองทัพ และผันตัวเป็นครูสอนยิงปืน
7. Rob Furlong
Rob Furlong เป็นเจ้าของสถิติซุ่มยิงที่ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปี ค.ศ. 2002 ระหว่างร่วมปฏิบัติการไล่ล่าผู้ก่อการร้ายอัลไคด้า 3 คน เขาใช้ ปืนไรเฟิล .50-caliber McMillan Brothers Tac-50 ซุ่มยิงที่ระยะ 1.51 ไมล์ หรือ 2,430 เมตร กระสุนนัดแรกของเขาพลาดเป้า ขณะที่นัดที่สองยิงถูกเป้สะพายหลังของผู้ก่อการร้าย และนัดสุดท้ายซึ่งเป็นนัดสังหารเข้าเป้าบริเวณอก
6. Vasily Zaytsev
Vasily Zaytsev เกิดวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1915 และเสียชีวิตวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1991 นายทหารผู้นี้ยิงสังหารฝ่ายตรงกันข้ามไปทั้งสิ้น 242 ราย เขาเติบโตในเมือง Yeleninskoye และเข้าร่วมในกองทัพโซเวียตในฐานะเสมียน ก่อนที่จะอาสาเข้าร่วมหน่วยซุ่มยิงในการรบที่เมือง Stalingrad
5. Lyudmila Pavlichenko
Lyudmila Pavlichenko เกิดวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1916 และเสียชีวิตวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1974 ตอนที่ Pavlichenko อายุได้ 24 ปี เขาได้เข้าร่วมกองทัพสหภาพโซเวียตเพื่อต่อต้านการรุกรานจากทหารเยอรมนี ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้สังหารฝ่ายตรงกันข้ามไปทั้งสิ้น 309 ราย
4. สิบตรี Francis Pegahmagabow
สิบตรี Francis Pegahmagabow เกิดวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1891 และเสียชีวิตวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1952 เป็นนายทหารจากแคนาดา เขาได้รับเหรียญตราเชิดชูเกียรติจากกองทัพถึง 3 เหรียญด้วยกัน อันเป็นผลมาจากการซุ่มยิงทหารเยอรมันจำนวน 378 นาย และจับกุมเชลยศึกได้มากกว่า 300 คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากฝีมือการซุ่มยิงที่ยอดเยี่ยมแล้ว เขายังได้รับการยกย่องในฐานะเป็นนายทหารสื่อสารผู้กล้าหาญ และผู้บังคับบัญชาที่ยอดเยี่ยม
3. Adelbert F. Waldron
Adelbert F. Waldron เกิดวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1933 และเสียชีวิตวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1995 เป็นเจ้าของสถิติพลซุ่มยิงที่สังหารฝ่ายตรงกันข้ามได้มากที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยเขาฆ่าฝ่ายตรงกันข้ามไปทั้งสิ้น 109 ศพในช่วงสงครามเวียดนาม
2. Carlos Norman Hathcock II
Carlos Norman Hathcock II เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1942 และเสียชีวิตวันที่ 23 กุมภาพันธุ์ ค.ศ. 1999 เขาได้รับสมญานามว่า ‘Lông Trung du Kich’ หรือนักซุ่มยิงขนนกสีขาว ด้วยฝีมือการซุ่มยิงที่แม่นยำของเขา ทำให้กองทัพเวียดนามประกาศตั้งค่าหัวของเขาไว้สูงถึง 30, 000 เหรียญสหรัฐ ขณะที่นักซุ่มยิงสหรัฐอเมริกาคนอื่นๆ มีค่าหัวเพียงคนละ 8 เหรียญสหรัฐเท่านั้น และเขาสังหารทหารเวียดนามไปทั้งสิ้น 93 ศพ
1. Simo Häyhä
Simo Häyhä เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1905 และเสียชีวิตวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2002 เป็นชาวฟินแลนด์และมีชื่อเล่นว่า ยมทูตสีขาว หรือ ‘The White Death’ เขาเกิดที่เมือง Rautjärvi ที่ใกล้กับชายแดนประเทศรัสเซีย และเข้าร่วมกองทัพฟินแลนด์ในปี ค.ศ. 1925 อย่างไรก็ตาม เขาเริ่มทำงานในฐานะพลซุ่มยิงเป็นครั้งแรกในสงครามฤดูหนาว (Winter War) ซึ่งเป็นสงครามระหว่างประเทศฟินแลนด์และรัสเซียในช่วงปี ค.ศ. 1939 ถึง 1940 ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นถึงลบ 40 องศาเซลเซียส เขาได้ลอบสังหารทหารรัสเซียไปทั้งสิ้น 705 ราย
แหล่งที่มา : listverse