ความจริง 10 ข้อ ที่จะบอกว่าทำไมการเข้าค่ายลูกเสือถึงเป็นเรื่องสนุก

1. มันคือการไปปิคนิคกับเพื่อน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการไปเข้าค่ายลูกเสือคือการไปสนุกสุดเหวี่ยงและผจญภัยกับเพื่อนๆในสถานที่ที่ไม่เคยไป และแน่นอนว่าคุณไม่ต้องมีผู้ปกครองมาตามจ้ำจี้จ้ำไชหรอก เพราะคุณต้องเอาตัวรอดให้ได้นั่นเอง

ภาพจาก : montfort

2. มันได้ทำอาหารกินเอง

หลายคนกลับบ้านมีแม่ทำอาหารให้ในตอนเย็น บางครั้งก็ทำกินเองบ้างง่ายๆอย่างพวกไข่ดาว ไข่เจียว แต่การไปเข้าค่ายลูกเสือ คุณต้องคิดเตรียมตั้งแต่อุปกรณ์ก่อไฟไปจนถึงจานที่จะใส่ แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้คุณไม่เคยทำที่บ้านแน่ และมันเป็นอะไรที่สนุกท้าทายไม่น้อย

ภาพจาก : nss.ac.th

3. มีนักวิจารณ์อาหาร

เมื่อคุณทำอาหารเสร็จแล้ว แน่นอนว่าอาหารของคุณจะต้องถูกยกไปส่งครูที่ซุ้มกองลูกเสือ แล้วครูเหล่านั้นก็จะชิมอาหารของคุณพร้อมวิจารณ์ว่า มันอร่อยหรือเปล่า ข้าวแข็งไปหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งแบ่งอาหารของกลุ่มคุณไปเล็กน้อยหากมันมีเยอะมากจนกินไม่หมด และแน่นอนว่าคุณจะรู้สึกภูมิใจว่าอาหารของคุณอร่อยจนอาจารย์ต้องแบ่งเอาไป

ภาพจาก : montfort.ac.th

4. การแสดงสุดฮา

เราเชื่อว่าไม่มีใครหรอกที่คิดการแสดงล่วงหน้าก่อนที่จะไปเข้าค่าย จนกระทั่งไปถึงค่ายและได้รับมอบหมายว่าแต่ละกองจะมีการแสดงนั่นแหละ พวกคุณถึงจะเริ่มเกาะกลุ่มคิดการแสดงกันอย่างจริงจัง มันสามารถแทรกมุกตลกลงไปได้ และแน่นอนว่าถ้ามันฮาก็จะสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าผู้ชมกองอื่นๆได้ ที่สำคัญหลังจบการแสดงก็จะมี "การเยล" ด้วย โดยกองที่ได้เป็นตัวแทนก็จะเป็นคนพูดให้ทุกคนยืนขึ้น และกำหมัดไว้ที่หน้าอกพร้อมผายมือออกไปยังกองที่พึ่งแสดงละครจบพร้อมให้ 3 คำ กล่าวซ้ำสามรอบ เช่น "เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริง เยี่ยมจริงๆ"

ภาพจาก : bantan

5. เดินป่าหรือเดินทางไกล

การเดินป่าตามเข็มทิศในตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ท้าทายสุดๆ พวกคุณจะต้องถือเข็มทิศเพียงหนึ่งเดียวแล้วเดินไปพร้อมๆกับเพื่อนๆ และถือไฟฉายสาดส่องไปมาราวกับว่าหลงป่าอยู่ยังไงยังงั้นแหละ หรือถ้าเดินทางไกลตอนกลางวันคุณอาจจะได้รับแผนที่มาสักอันแล้วก็เดินไปตามทาง แน่นอนว่าหลังจากเดินทางไกลเสร็จ อาหารมื้อหลังจากนั้นคงเป็นมื้อที่อร่อยที่สุด

ภาพจาก : montfort.ac.th

6. ฐานท้าทายความสามารถ

ในทุกๆค่ายจะมีฐานท้าทายความสามารถของเหล่าชาวค่ายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฐานคอมมานโดเดี่ยว คอมมานโดคู่ หรือทาร์ซานข้ามแม่น้ำ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องน่าท้าทายและพวกคุณจะต้องทำมันให้สำเร็จทั้งหมดทุกคนด้วย หากไม่ผ่านก็ไม่ได้ไปฐานต่อไป และถ้ามีคนใดพลาดตกน้ำหรือเกิดเหตุอะไรสักอย่าง มันจะกลายเป็นเรื่องที่เล่ากันไปอีกนาน มันน่าสนุกตรงนี้แหละ!

ภาพจาก : thongthailand.com

7. การเฝ้าเวรยาม

คุณอาจจะได้รับการวางหน้าที่ให้เป็นเวรยามในช่วงเวลาสักช่วงหลังจากเพื่อนเข้านอนไปแล้ว บางทีอาจจะเป็นทั้งหมู่ก็ได้ การนั่งรอบกองไฟอุ่นๆในหน้าหนาวเป็นเรื่องที่ฟินไม่น้อย แต่คุณเชื่อเถอะเพื่อนบางคนของคุณไม่ยอมตื่นมาเฝ้าเวรยามหรอก ทำเป็นเนียนนอนต่อไป รู้นะ!

ภาพจาก : nukul.ac.th

8. การเล่นรอบกองไฟ

หากไม่นับการแสดงแล้ว การเล่นรอบกองไฟเป็นเรื่องน่าสนุกเช่นกัน พวกคุณครูจะมีกลองหนึ่งชุดแล้วก็มีพิธีกรภาคสนามคอยร้องเพลงเฮฮา บางทีก็ให้ปรบมือ บางทีก็ให้ร้องตาม บางครั้งก็มีเกมส์สนุกๆให้เล่น มันก็น่าสนุกดีอยู่นะ ถ้ากิจกรรมนี้ไม่นานจนเกินไป

ภาพจาก : oknation.net

9. การดูดาว

ลูกเสือมักจะถูกสอนให้หัดดูดาวบนท้องฟ้า และหากท้องฟ้าเปิดเป็นใจให้ดูดาวแล้วละก็ เหล่าชาวค่ายก็ได้ดูดาวสมใจ แต่เชื่อเถอะ เวลาครูประจำฐานชี้ให้ดูกลุ่มดาวบนท้องฟ้านะ นักเรียนชาวค่ายดูไม่ออกหรอกแล้วแกล้งทำเนียนเป็นดูออก แต่บางคนอาจจะดูออกจริงๆก็ได้นะ ส่วนตัวผู้เขียนแล้วคงดูออกแค่กลุ่มดาวลูกไก่กับดาวเหนือเท่านั้นแหละ

ภาพจาก : bkwschool.ac.th

10. ร้องเพลงสามัคคีชุมนุม

หลังจากปิดกองตอนกลางคืนวันสุดท้ายหรือก่อนกลับบ้าน จะมีการร้องเพลงสามัคคีชุมนุม แล้วพวกคุณจะต้องเอามือไขว้กันเพื่อเอาไปจับมือของอีกฝ่ายเป็นวงกลมใหญ่ๆ สิ่งที่น่าขันก็คือทุกคนจะโยกไปคนละทางและไม่สัมพันธ์กัน แถมไม่พอถ้าพ่อหรือแม่ใครมีชื่อตรงกับเพลง ก็จะร้องท่อนนั้นดังเป็นพิเศษด้วย เช่น

อันความกลมเกลียวต่างเป็นใจเดียว ประเสริฐฐฐฐฐ!!! ศศศศศรี!! ทุกสิ่ง ประสงงงงงค์!!! จงใจจะเสร็จ สมมมมมมม!! ได้ ด้วยสามัคคี

ภาพจาก : thairath83.wordpress.com

หลังจากร้องเพลงนี้จบ พวกคุณก็จะเขวี้ยงหมวกไปบนท้องฟ้าแล้วก็ตะโกนว่า ไชโย! ไชโย! ไชโย! จบค่ายแล้วโว้ยยยย จริงมั้ย ฮ่าๆ